การจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559

 


การจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559

[img src="http://doe.go.th/prd/Upload/bkk/2016-08-02%207934oss.jpg">

1. กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียนได้ มี 2 กลุ่ม ได้แก่ (กลุ่มเดิมที่มีเอกสาร)

1.1 แรงงานกลุ่มที่มีบัตรสีชมพู

1.1.1 แรงงานที่ได้รับบัตรสีชมพู ตามนโยบาย คสช. ซึ่งด้านหลังบัตรสีชมพูระบุ ปีที่หมดอายุ 2557 หรือ 2558
1.1.2 แรงงานที่ได้รับบัตรสีชมพู ตามนโยบาย คสช. และมารายงานตัวเพื่อขอรับบัตรใหม่ ซึ่งด้านหลังบัตรสีชมพูระบุวันหมดอายุในวันที่ 31 มีนาคม 2559
1.1.3 แรงงานที่ไม่อยู่ในกลุ่มที่จดทะเบียนฯ ได้
  1. แรงงานที่ถือบัตรสีชมพู ซึ่งด้านหลังบัตรระบุปีที่หมดอายุก่อน ปี 2557
  2. แรงงานที่จดทะเบียนในกิจการประมงทะเล และกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ ดังนี้
    • กิจการประมงทะเล
      • ด้านหลังบัตรสีชมพูระบุวันหมดอายุ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559
      • ด้านหลังบัตรสีชมพูระบุวันหมดอายุ วันที่ 31 มกราคม 2560
    • กิจการแปรรูปสัตว์น้ำ
      • ด้านหลังบัตรสีชมพูระบุวันหมดอายุ 24 พฤศจิกายน 2559
      • ด้านหลังบัตรสีชมพูระบุวันหมดอายุ 22 กุมภาพันธ์ 2560

1.2 แรงงานกลุ่มที่ถือเอกสารที่ประเทศต้นทางออกให้

1.2.1 แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่ผ่านการตรวจสัญชาติ หรือพิสูจน์สัญชาติ ทุกกลุ่ม รวมถึงผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของแรงงานต่างด้าวดังกล่าวที่อายุไม่เกิน 18 ปี ที่ถือเอกสาร ดังนี้
  • หนังสือเดินทาง (Passport - PP)
  • หนังสือเดินทางชั่วคราว (Temporary Passport - TP)
  • เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง (Travel Document - TD)
  • เอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity - CI)
1.2.2 เงื่อนไขการดำเนินการ
  • กรณีที่เอกสารตามข้อ 1.2.1 หมดอายุ หรือมีอายุเหลืออยู่แต่ยังไม่ได้ Visa หรือกรณีที่ Visa ยังมีอายุเหลืออยู่ หรือสิ้นอายุแล้ว รวมถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ผ่านการตรวจสัญชาติ หรือ พิสูจน์สัญชาติ ซึ่งครบกำหนดวาระการจ้างงาน 4 ปี หรือ 6 ปี ที่มีตราประทับ MOU (MOU เทียม) สามารถดำเนินการจดทะเบียนเพื่อขออนุญาตทำงานได้ ทั้งนี้ แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ในกลุ่มนำเข้าตาม MOU ในครั้งแรก (MOU แท้) ไม่สามารถดำเนินการได้
  • กรณีแรงงานที่บัตรสีชมพูตามข้อ 1.1.1 และ 1.1.2 สูญหาย ให้ขอคัดสำเนาแบบ ทร.38/1 จากสำนักงานทะเบียนอำเภอ หรือสำนักงานทะเบียนท้องถิ่น เป็นหลักฐานในการแสดงตน โดยให้ใช้เอกสารฉบับจริง (ห้ามใช้ฉบับที่ถ่ายเอกสาร) สำหรับแรงงานต่างด้าวที่ถือเอกสาร ที่ประเทศต้นทางออกให้ ตามข้อ 1.2.1 หากมีการสูญหายไม่อนุญาตให้ใช้สำเนาเป็นหลักฐานแสดงตน เพียงอย่างเดียว แรงงานต่างด้าวต้องนำเอกสารอื่นมาแสดงประกอบด้วย เช่น ใบอนุญาตทำงานซึ่งมีชื่อถูกต้องตรงกับสำเนาเอกสารที่ประเทศต้นทางออกให้ดังกล่าว เป็นต้น
  • แรงงานต่างด้าวที่ประสงค์จะทำงานกับนายจ้างรายเดิมที่มีชื่อตรงตามบัตรสีชมพู หรือนายจ้างรายใหม่ที่มีรายชื่อไม่ตรงตามบัตรสีชมพู ก็สามารถจดทะเบียน และขออนุญาตทำงานได้
  • แรงงานที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่อนุญาตให้ทำงาน เว้นแต่จะเป็นงาน ตามที่กฎหมายกำหนดให้ทำได้

2. ขั้นตอนการดำเนินการ

  • ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสุขภาพ
  • ขั้นตอนที่ 2 ชำระค่าธรรมเนียมการอนุญาตทำงาน
  • ขั้นตอนที่ 3 ขออนุญาตทำงาน ณ OSS /ได้รับใบอนุญาตทำงานทันที

2.1 ตรวจสุขภาพ

แรงงานต่างด้าวในกลุ่มที่ได้รับการผ่อนผัน ให้ไปตรวจสุขภาพ ประกันสุขภาพ ณ โรงพยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 โดยชำระค่าตรวจสุขภาพ 500.- ประกันสุขภาพ 2 ปี 3,200.- สำหรับแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในระบบประกันสังคมอยู่แล้วไม่ต้องประกันสุขภาพ ส่วนแรงงานที่ทำงานในกิจการที่ต้องเข้าระบบประกันสังคม แต่แรงงานยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ให้ประกันสุขภาพเป็นเวลา 90 วัน

สถานที่ตรวจสุขภาพ

  1. กรุงเทพมหานคร ตรวจสุขภาพได้ 7 แห่ง ดังนี้
    • รพ.กลาง
    • รพ.นพรัตน์
    • รพ.เลิศสิน
    • รพ.ราชวิถี
    • รพ.ตากสิน
    • รพ.เจริญกรุงประชารักษ์
    • รพ.วชิระพยาบาล
  2. จังหวัดอื่น ตรวจสุขภาพ ณ โรงพยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

2.2 ชำระค่าธรรมเนียมการอนุญาตทำงาน

2.2.1 เมื่อแรงงานต่างด้าวผ่านการตรวจสุขภาพ ไม่เป็นโรคต้องห้ามตามที่กำหนด ให้ไปชำระค่าธรรมเนียมการอนุญาตทำงาน ณ จุดบริการชำระเงิน (Counter Service) หรือสำนักงานจัดหางาน จังหวัด สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1 – 10 อัตราค่าธรรมเนียมการอนุญาตทำงาน 2 ปี 1,800 บาท ค่ายื่นคำขออนุญาตทำงาน 100 บาท รวม 1,900 บาท โดยแรงงานต้องถือใบรับรองแพทย์ฉบับจริงไปแสดงพร้อมกับบัตรสีชมพู หรือเอกสารที่ประเทศต้นทางออกให้ (PP/TP/TD/CI)
กรณีไม่ได้ถือเอกสารฉบับจริง หรือเอกสารสูญหาย ให้แรงงานต่างด้าว ติดต่อขอชำระเงินค่าธรรมเนียมที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1 - 10 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานยืนยันสถานะของแรงงานต่างด้าวก่อนเก็บเงินค่าธรรมเนียม
ทั้งนี้ ให้แจ้งนายจ้าง/แรงงานต่างด้าว ตรวจสอบสถานะของตนให้ถูกต้อง ว่าอยู่ในกลุ่มที่ได้รับการผ่อนผันหรือไม่ หากชำระเงินแล้วไม่สามารถจัดทำทะเบียนประวัติ และขออนุญาตทำงานได้ นายจ้างต้องรับผิดชอบ และอาจไม่มีการคืนเงิน



2.2.2 สถานที่ชำระค่าธรรมเนียม

  1. จุดบริการชำระเงิน (Counter Service)
    • แรงงานชำระเงินค่ายื่นคำขออนุญาตทำงาน 100 บาทค่าธรรมเนียมการอนุญาตทำงาน 2 ปี 1,800 บาท ค่าบริการ 10 บาท ต่อแรงงานต่างด้าว 1 คน รวม 1,910 บาท กรณีที่นายจ้างมีแรงงานจำนวนมากให้ติดต่อจุดบริการชำระเงิน (Counter Service) ล่วงหน้า
    • แรงงานต่างด้าวจะได้รับ
      • สลิปใบเสร็จรับเงิน และใบนัด
      • SMS ส่งข้อความยืนยันการชำระเงินถึงโทรศัพท์ของแรงงาน ต่างด้าวตามที่กดหมายเลขยืนยัน หรือหมายเลขโทรศัพท์ของนายจ้าง
  2. สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1 – 10
    • แรงงานชำระเงินค่ายื่นคำขออนุญาตทำงาน 100 บาท ค่าธรรมเนียมการอนุญาตทำงาน 2 ปี 1,800 บาท รวม 1,900 บาท ไม่เสียค่าบริการใดๆ กรณีที่นายจ้าง มีแรงงานจำนวนมากให้ติดต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1 – 10 ล่วงหน้า
    • แรงงานต่างด้าวจะได้รับ
      • ใบเสร็จรับเงิน
      • กำหนดนัด

2.3 เอกสารประกอบการขออนุญาตทำงาน

แบบคำขออนุญาตทำงาน (ตท.8) พร้อมเอกสารประกอบคำขอ ดังนี้
  1. ใบรับรองแพทย์ ฉบับจริง
  2. เอกสารนายจ้าง เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/สำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน แล้วแต่กรณี
  3. สัญญาจ้างงาน
  4. หนังสือรับรองการจ้าง
  5. ทะเบียนบ้าน/หนังสือรับรอง/หลักฐานอื่นๆ ที่ระบุสถานที่ทำงาน
  6. แผนที่สถานที่ทำงาน
  7. รูปถ่าย 3 X 4 ซม. จำนวน 2 รูป
  8. สลิปของจุดบริการชำระเงิน (Counter Service) หรือใบเสร็จรับเงินของสำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1 – 10
กรณียื่นคำขออนุญาตทำงาน ตท.8 มากกว่า 1 คน ให้จัดเตรียมเอกสารประกอบคำขอในส่วนของนายจ้างจำนวน 1 ชุด ต่อการยื่น 1 ครั้ง และให้จัดทำสัญญาจ้างงานซึ่งทำขึ้นระหว่างนายจ้างกับแรงงานต่างด้าว 1 คนต่อ 1 ฉบับ สำหรับหนังสือรับรองการจ้างให้จัดทำเพียง 1 ฉบับ (เช่นเดียวกับเอกสารประกอบคำขอ ตท.8 ในส่วนของนายจ้าง) และให้ทำบัญชีรายชื่อแนบ โดยระบุไว้ท้ายหนังสือรับรองการจ้างว่า “รับรองการจ้างตามรายชื่อที่ปรากฏในเอกสารแนบ"


2.4 นายจ้างนำแรงงานต่างด้าว หรือแรงงานต่างด้าว นำเอกสาร หลักฐานที่เตรียมไว้ยื่นกับเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service)

ซึ่งจะได้รับใบอนุญาตทำงานในวันที่ยื่นเอกสาร โดยเตรียมเงินเพื่อมาชำระค่าบัตรสีชมพู และค่าทะเบียนประวัติ (ทร.38/1) จำนวน 80 บาท


2.5 การเปลี่ยนนายจ้าง/ท้องที่/สถานที่ทำงาน

2.5.1 เปลี่ยนนายจ้าง
  1. ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนนายจ้าง แรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียนฯ และได้รับอนุญาตทำงานในช่วงเวลาของการจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 ณ ศูนย์บริการ จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนนายจ้าง
  2. อนุญาตให้เปลี่ยนนายจ้าง เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการจดทะเบียนภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
    • นายจ้างเลิกจ้างแรงงานต่างด้าว
    • นายจ้างเลิกกิจการ/หรือเลิกการทำงานในส่วนที่ต้องใช้แรงงาน
    • นายจ้างกระทำทารุณกรรม
    • นายจ้างไม่จ่ายค่าจ้าง/ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
    • ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อได้รับอนุญาตให้แรงงานเปลี่ยนนายจ้างแล้ว ให้ประสานสำนักงานทะเบียนอำเภอ หรือสำนักงานทะเบียนท้องถิ่น เพื่อเปลี่ยนบัตรสีชมพู และใบอนุญาตทำงาน (ด้านหลังบัตรสีชมพู) ต่อไป
2.5.2 การดำเนินการเปลี่ยนนายจ้าง
  1. แรงงานต่างด้าว หรือผู้ที่ประสงค์จะจ้างแรงงานดังกล่าวต้องนำหลักฐาน การเลิกจ้าง เลิกกิจการ หรือร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายจ้างรายเดิม ตามข้อ 2.5.1 (2) มาแสดง
  2. ขอความร่วมมือให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายจ้างรายเดิมที่กระทำทารุณกรรม ไม่จ่ายค่าจ้าง/ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ตามกฎหมายที่บัญญัติขั้นสูงสุด และไม่อนุญาตให้จ้างแรงงานต่างด้าวเป็นเวลา 2 ปี
  3. แรงงานต่างด้าวที่หนีนายจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควร เพื่อไปทำงาน กับนายจ้างรายใหม่จะไม่อนุญาตให้ทำงานเป็นเวลา 2 ปี ต้องเดินทางกลับประเทศ และหากประสงค์จะกลับ เข้ามาทำงานในประเทศไทยอีก ให้กลับเข้าทำงานภายใต้ MOU
  4. นายจ้างที่จ้างแรงงานผิดกฎหมาย ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สูงสุด